fbq('track', 'ViewContent');

Viewing entries tagged
อย่างไร

สวมปั๊บโดมดับ.. 6 ยุทธวิธีใส่หมวกบีนนี่ ให้หล่อเฟร่อ!

Comment

สวมปั๊บโดมดับ.. 6 ยุทธวิธีใส่หมวกบีนนี่ ให้หล่อเฟร่อ!

ชายไทยส่วนใหญ่พอได้ยินชื่อ "หมวกบีนนี่" มักจะรู้สึกว่าไม่ถูกจริตกับหัวตัวเองซักเท่าไหร่.. กล่าวคือ คิดไว้ว่าจะใส่ออกมาหล่อ เหมือนชาคริตในหนังเรื่องกุมภาพันธ์ แต่ดันกลายออกมาเหมือนผู้ป่วยใส่หมวกซะนี่.. ทางทัฟแอนด์ทัมเบิล นำ 6 ยุทธวิธีใส่หมวกบีนนี่ ที่ทำให้คุณเท่เฟร่อแน่นอน ..ลองไปดูกัน!

ยุทธวิธี1 : The Standard

"เดอะ สแตนดาร์ด" ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นการใส่บีนนี่ แบบมาตรฐานดั้งเดิม ที่เน้นฟังค์ชั่น..สไตล์ไม่เน้น รักษาความอบอุ่นเต็มที่ วิธีนี้ไม่มีการพับขอบ ใส่ครอบหัวทั้งใบ และด้านหน้าปิดลงมาจรดหัวคิ้วเลย..


ยุทธวิธี2 : The Single Cuff

ยุทธวิธีที่สอง "เดอะซิงเกิลคัฟฟ์" - วิธียอดฮิตดั้งเดิมของการใส่บีนนี่ เพื่อปกปิดทรงผมในวันผมไม่ได้ดั่งใจ(Bad Hair Day) พับขอบบีนนี่ขึ้นไปหนึ่งทบ อยู่ประมาณครึ่งหน้าผาก ปิดหูแค่ครึ่งเดียว.. 2 วิธีแรกเป็นแบบดั้งเดิม ที่จะไม่เห็นผมผู้ใส่แผล่บออกมา แม้แต่ปอยเดียว


ยุทธวิธี3 : The Brooklyner

หมวก T&T BEANIE จาก ทัฟแอนด์ทัมเบิล

หมวก T&T BEANIE จาก ทัฟแอนด์ทัมเบิล

วิธีที่โมเดินขึ้นอีกหน่อย "เดอะ บรู๊คลินเนอร์" สไตล์การใส่ยอดนิยมของฮิปสเตอร์อเมริกันทุกวันนี้ ..วิธีก็ง่ายๆ พับขอบหนึ่งทบ แล้วเริ่มครอบหมวกบีนนี่ จากกลางหัวไปด้านหลัง ปิดหูแค่ครึ่งเดียว.. ด้านหน้าเปิดโชว์ทรงผมและจอห์น สามารถปรับระดับรูดขึ้น-ลงได้ แล้วแต่ความชอบเลย.. สไตล์นี้ยังเหมาะกับการสวมใส่ ในเมืองร้อนแบบเราๆด้วย


ยุทธวิธี4 : The High-Top

วิธีใส่แบบ "เดอะ ไฮท๊อป" เป็นอีกการใส่บีนนี่ในวันอากาศอุ่นๆ ..พับขอบหนึ่งทบ แล้วสวมบีนนี่ขึ้นสูง ไว้เหนือหู พยายามรักษารูปร่างบีนนี่ที่เหลือให้เป็นปล่องตั้งขึ้นตรง.. สไตล์นี้จะให้ความเป็นมิตร ดูเฟรนด์ลี่เป็นพิเศษ


ยุทธวิธี5 : The Robin Hood

ถ้าคุณชอบใส่สไตล์แนวทดลอง วิธี "เดอะ โรบินฮู๊ด"เหมาะกับคุณมากๆ.. ด้านหน้าปล่อยบีนนี่เหยียด ไม่มีการพับ.. แล้วพับขอบบีนนี่แค่ด้านหลัง.. ผลลัพธ์คือจะเกิดรอยเสี้ยวเปิดตรงช่องหูคุณพอดี เกร๋ๆไปอีกแบบ..


ยุทธวิธี6 : The David Beckham

"เดอะ เดวิดเบคแฮม" ยุทธวิธีใส่บีนนี่แบบคูลสุดในซอย.. ลุคคุณจะดูเซอร์นิ่ง และไม่แร๊พโย่วเกินไป.. วิธีใส่คือ สวมบีนนี่แบบไม่พับขอบ ลากยาวไปข้างหลังให้มากที่สุด (ปล่อยบีนนี่ปล่าวๆกองด้านหลังเยอะๆ) ด้านหน้าเปิดพอให้เห็นโคนผมหน่อยๆ.. แค่นี้ก็เท่เฟร่อ ราวกับเจอเบคแฮมในกระจกเงา!


Written by:

Lory Pongpol

Source:

http://birchbox.com/


Comment

เซตผมเป๊ะเว่อร์.. แค่เจอ"หวี"ที่เหมาะกับคุณ !!

Comment

เซตผมเป๊ะเว่อร์.. แค่เจอ"หวี"ที่เหมาะกับคุณ !!

ทรงผมวินเทจ (Slicked back) ดูเหมือนเป็นทรงยอดฮิตที่อยู่ในกระแส สำหรับหนุ่มๆไทย ..หลายคนลงทุน ไปตัดผมร้านชื่อดัง บ้างก็ขวนขวายซื้อโพเมดชั้นดีจากเมืองนอก มาใช้เซตผมกัน ..แต่แท้จริงแล้วเรื่องง่ายๆ ที่หลายคนมองข้ามไป อย่างอุปกรณ์ที่ใช้หวี นี่ล่ะที่มีอิทธิพลกับการเซตผมคุณมากๆ หวีตามท้องตลาดมีความหลากหลาย หลากวัสดุ.. เลือกหวีให้เหมาะกับคุณ

วัสดุ:

1. หวีพลาสติก

หวีพลาสติก Kent 480บาท

หวีพลาสติก Kent 480บาท

ข้อดี: ราคาถูก, หาซื้อง่าย เพราะเป็นชนิดหวีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด, รูปแบบหลากหลาย ทั้งแบบพับเก็บได้ แบบมีมือจับ, ดูแลรักษาง่าย, พกพาง่าย น้ำหนักเบา

ข้อเสีย: ไม่เหมาะกับการหวีผมยุ่งมากๆ, ก่อให้เกิดไฟฟ้าสถิตย์ (บางทีที่ผมคุณถูกหวีดูดขึ้นนั่นล่ะคับ), ผมขาดบ้าง จากแรงเสียดสี, เปราะบาง ชำรุดง่าย


2. หวีไม้

หวีไม้ Wooden Major 600บาท

หวีไม้ Wooden Major 600บาท

ข้อดี: ความยืดหยุ่นสูง, เหมาะกับการสางผมที่ยุ่งมากโดยเฉพาะ ผมหยักศกหน่อยๆ, อายุการใช้งานยาว (ถ้าดูแลอย่างถูกวิธี), จับถนัดมือ เพราะไม่ลื่นเท่าด้ามหวีพลาสติก, วัสดุไม้ เพิ่มความคูลให้กับผู้ชายอย่างเรา

ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าหวีพลาสติก, ดูแลรักษายาก โดยเฉพาะถ้าเซตผมวินเทจ แบบเปียก ใช้หวีผ่านน้ำเมื่อไหร่.. หลังการใช้ต้องเช็ดด้วยน้ำมัน เพื่อการบำรุงเนื้อไม้ทุกครั้ง, มีโอกาสชำรุดได้ง่าย


3. หวีเหล็ก

หวี Metal CombTough & Tumble 750บาท

หวี Metal CombTough & Tumble 750บาท

ข้อดี: ความคงทนสูง, หวีลื่นกว่าประเภทอื่น เพราะไม่มีแรงเสียดทานระหว่างซี่หวีกับผม, เป็นมิตรต่อสภาพเส้นผม เพราะแรงสถิตย์ขณะหวีต่ำ เส้นผมถูกฉีกขาดน้อยกว่าหวีพลาสติก, เหมาะกับการหวีผมที่ยุ่งมากโดยเฉพาะ หวีเหล็กจึงนิยมใช้ผลิตเป็น หวีเครา, ดูแลรักษาง่าย, วัสดุดูแมนมากๆ

ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าหวีทั้งสองประเภทแรก, มีน้ำหนักมาก, ไม่เหมาะกับผู้ที่หนังศรีษะแพ้ง่าย

ชนิดเส้นผม กับ ความถี่ของซี่หวี

1. ผู้ชายผมหนาและผมเส้นใหญ่

หวีที่ใช้ควรเลือกที่ซี่ห่างๆเซต ผมpompadour เห็นเป็นริ้วชัดเจน

2. ผู้ชายผมเส้นเล็กบาง

หวีที่ใช้ควรมีซี่ที่ถี่พอควรและไม่แข็งจนเกินไป ควรหลีกเลี่ยงการใช้หวีพลาสติกฟันถี่ๆ เพราะทำให้ผมคุณขาดง่าย

3. ผู้ชายผมหยักศก, หยิก

เหมาะกับการใช้หวีเหล็ก หรือหวีไม้ ความถี่ซี่ห่างๆเข้าไว้ หวีช้าๆ บางทีต้องใช้น้ำช่วยเซต

 


Written by:

Lory Pongpol

Source:

http://www.wisegeek.com/what-are-the-pros-and-cons-of-a-metal-comb.htm#

http://www.wisegeek.com/what-are-the-pros-and-cons-of-using-a-wood-comb.htm

http://2015.n3k.in.th/?p=1596

Images: Pinterest & Google




Comment

ไปตัดผม ไม่ให้เด๋อ..พวกเธอจงทำตาม 5 ข้อนี้!

Comment

ไปตัดผม ไม่ให้เด๋อ..พวกเธอจงทำตาม 5 ข้อนี้!

ผู้ชายหลายท่านอาจไม่รู้ว่า ทรงผมเป็นส่วนสำคัญยิ่งยวดสำหรับบุคลิกภาพของเราๆ.. ช่างต่างจากผู้หญิง ที่มีทางเลือกในการเสริมสวยมากมาย ทั้งเครื่องประดับ เครื่องสำอางค์ต่างๆ บลา บลา ..เหล่าหนุ่มๆมีอาวุธแค่เสื้อยืด+กางเกงยีนส์ (หุ่นเท่ๆ ถ้ามี..) และก็ "ทรงผม" นี่ล่ะครับ ที่พอจะทำให้คุณดูเท่ และโดดเด่นกว่าคนอื่นได้ ..แต่อนิจจาทุกครั้งที่เข้าร้านตัดผม กลับได้ทรงผมที่ไม่ได้ดั่งใจ อยากจะมุดหัวอยู่ในบ้านซัก 2สัปดาห์ ..ทีมทัฟแอนด์ทัมเบิล รวบรวมเทคนิคง่ายๆ 5ขั้นตอน ที่คุณจะไม่ได้ทรงผมแย่ๆนั้นอีก..

 

1.เสิร์ชๆ หาทรงในดวงใจ

ขั้นตอนแรกคือ การหาReference เป็นทรงผมที่คุณเห็นตามอินเตอร์เนต หรือ รูปภาพดารา นักฟุตบอลในดวงใจ แหล่งที่ทำให้คุณหาทรงผมสุดเฟี้ยว ง่ายๆ ก็ตามนิตยสารต่างๆ หรือสื่อออนไลน์พวก Pinterest และ Instagram แฮชแทคต่างๆ เช่น #menshair เป็นต้น เสริชดูครับ เอาที่ถูกใจ แบบไม่ต้องมีเหตุผลมาก แล้วSaveรูปเก็บไว้ ซัก2-3รูป เป็นแรงบัลดาลใจ.. 


2.ทบทวนว่าเหมาะกับคุณมั้ย

ขั้นที่สอง.. เริ่มคำนึงถึงความเป็นจริงมากขึ้นละครับ หลังจากที่ขั้นที่หนึ่งเราเอาความชอบ (ตามสัญชาตญาณล้วนๆ) เป็นที่ตั้ง.. เอารูปทรงผม 2-3รูปในขั้นแรกมาทำการวิเคราะห์ ว่ามันเหมาะกับสรีระศีรษะ+โครงหน้า ของคุณมากน้อยแค่ไหน ยกตัวอย่าง คุณเป็นคนหน้ากลม ไม่ควรไว้ผมหน้าม้าปิดหน้าผาก เพราะมันจะยิ่งทำให้รูปหน้ากลมขึ้นกว่าเดิม ตัดทรงนั้นทิ้งไป ..ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ ถามความเห็นเพื่อน คนรอบข้าง ..จนได้ทรงที่เข้ารอบสุดท้าย แค่ทรงเดียวเท่านั้น


3.ตามหาช่างมือดี

มีรีวิวให้เห็นมากมายตามอินเตอร์เนตว่า ร้านตัดผมร้านไหนดี และไม่ดี ลองทำการบ้านกันดู ..แต่เราไม่ขอให้คุณเชื่อสิ่งที่คุณเห็นในรูปจากอินเตอร์เนต ถามมนุษย์อย่างเราๆในชีวิตจริงดีกว่าครับ เพราะรีวิวต่างๆ รวมถึงรูปภาพผ่านการตัดต่อ แต่งภาพมาอย่างดี ทั้งหมดนี้บางทีเป็นอะไรที่ทำให้หลายคนเคลือบแคลงใจ ทำไมตัวเองตามไปตัดร้านดัง ..แต่ทรงผมก็ยังเห่ยเก่ยอยู่

เวลาเดินสวนกะใคร ทรงผมดูคูล ไม่รอช้า ถามไปเลยครับ "พี่/น้อง/คุณ ทรงผมเท่มาก.. ตัดที่ไหนเหรอครับ" เค้าจะยินดีและภูมิใจ และพร้อมจะแชร์ชื่อร้านตัดผม (ชื่อช่างตัดผมด้วยก็ดี) กับคุณแน่นอน นั่นแหละครับวิธีดั้งเดิมของโลกนี้ ถามปากต่อปาก ไม่มีหลอกตาแน่นอน


4.ตัดครั้งแรก ..การสื่อสารสำคัญมาก

ได้ร้าน และทรงผมเฟี้ยวที่เหมาะกับคุณแล้ว ถึงเวลาเข้าห้องเชือด(ผม)แล้วครับ อย่างที่ต้องบอกว่า การตัดผมเป็นการจูนกันระหว่างช่างผู้ที่ถือกรรไกร กับตัวคุณ การสื่อสารให้เข้าใจไปในทางเดียวกัน สำคัญมากๆ ..เอารูปที่คุณเซฟเอาไว้ในมือถือ (ข้อ2) การให้ดูเลยครับ แล้ว บอกรายละเอียดเล็กๆน้อยเช่น ด้านบนขอไว้ยาวๆ ยาวประมาณไหน? กะด้วยนิ้วมือให้ช่างดูได้เลย

เหตุผมที่ใครหลายคนตัดผมออกมาแล้วดูเด๋อ ส่วนใหญ่เพราะช่างตัดให้สั้นกว่าที่ต้องการ เพราะฉะนั้นบอกช่างแต่เนิ่นๆเลยครับ เล็มนิดเดียว ไม่สั้น..


5.เซตผม สำคัญไม่แพ้กัน..

สุดท้ายแล้ว ทรงผมที่ดีคือทรงผมที่คุณกลับบ้านมาแล้ว ก็ยังเซตเองได้ดีอยู่ทรง ตามแบบต้นฉบับ ใน3สัปดาห์เป็นอย่างน้อย.. ยกตัวอย่างเช่น ตัดทรงวินเทจ Slicked Back ผมด้านบนต้องยาวพอ ด้านข้างไถสั้นเรียบ เซตด้วยโพเมด ถ้าผมเด้งขึ้นมาไม่อยู่ทรง ตั้งแต่3วันแรก อันนี้เริ่มแปลกละครับ เปลี่ยนร้านตัดได้เลย.. 

maxresdefault (8).jpg

หาทรงที่ชอบ+เหมาะกับคุณ+ช่างมือดี+สื่อสารให้ดี แค่นี้ผมเท่ๆ ไม่ไปไหนแน่ครับ!!!


Written by:

Lory Pongpol

Source:

Images: Pinterest & Google



Comment